พระพิราพปาฏิหาริย์บันดาลทรัพย์

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ





พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ




พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ








พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ




งานนี้คงจะเป็นงานอดิเรกชิ้นสุดท้ายในปีนี้แล้วครับ




เพราะช่วงที่น้ำท่วม ดองงานไว้เยอะปีหน้า2555ที่จะถึง




ก็เลยต้องเร่งมือกันหน่อย




ย้อยกลับไปดูบทความเก่าๆที่ผ่านมา




จะเห็นว่าผมได้มีโอกาสแกะกะลาไม่มีตาหรือกะลาตาบอด 2 ลูก




รวมทั้งยังได้แกะไม้งิ้วดำอีกนิดหน่อย




ทีนี้ผงกะลาตาบอดและผงไม้งิ้วดำที่เก็บไว้




ก็นึกไม่ออกว่าจะเอาไปทำอะไรดี




นึกมานึกไปก็มาลงเอยที่พระราหูครับ




แต่ด้วยเหตุที่ผงทั้งสองมีจำนวนน้อยนิด




ผสมกับมวลสารเก่าที่เก็บไว้เมื่อคราว




สร้างพระพิราพให้กับวัดบางกร่างนนทบุรี




ก็คงจะทำออกมาได้ไม่กี่องค์




แต่ก็คงเพียงพอแก่การมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับใครหลายคน




..............




สำหรับปี่นี้ สวัสดีครับ




........

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

งาช้างแกะสลักและไม้งิ้วดำแกะสลัก

งาช้างแกะสลัก

ห่างหายไปนานกับการเขียนบทความ

ไหนจะสะสางงานเก่าแล้วก็ล่าสุดปัญหาน้ำท่วมใหญ่

พอมีเวลานิดหน่อยก็ลุยเลยครับ

ก็อย่างที่จั่วหัวไว้ครับ งานอดิเรก พอดีได้ของเล่นมาใหม่

เป็นงาช้างแกะสลักครับได้มานิดเดียว อยากลองแกะดู
ก็เลยแกะของที่ชอบ เป็นพระปิดตา แหวนงูกินหางกับเสือ

ส่วนชิ้นเล็กข้างล่างไม่ได้แกะครับ

ค่อนข้างจะแกะยากนิดหน่อยครับเพราะไม่เคยมีประสบการณ์

เครื่องมือแกะสลัก เขาใช้อะไรก็ไม่รู้

เทคนิคการทำงาน ก็ไม่รู้ แต่ก็ออกมาอย่างที่เห็นครับ


ส่วนงานนี้เป็นการแกะสลักไม้งิ้วดำหรือนางพญางิ้วดำ

เห็นหลายคนบอกว่าเป็นของดีของวิเศษตามธรรมชาติ

ผมก็ไม่เคยเห็นต้นงิ้วดำจริงๆซักที

แต่ก็ต้องเชื่อผู้ใหญ่ไว้ก่อน เรามีหน้าที่แกะก็แกะไป
แกะไว้หลายแบบครับ

ทั้งพระนางพญา พระปิดตา สังกัจจายน์ เสือ และปลัด

เศษผงที่เกิดจากการแกะก็เก็บไว้ครับเอาไว้ทำของอย่างอื่นใช้

ตามสมควรต่อไป


ในระหว่างนี้ก็มีแกะรูปอื่นบ้างนิดหน่อย

ตามขนาดและรูปร่างของวัตถุดิบที่มี

ก็จะทำไปจนกว่าของจะหมดครับ

ได้กี่องค์กี่อันไม่รู้

จากนี้ก็จะนำไปเข้าร่วมพีธีปลุกเสกสักหนึ่งวาระเป็นอย่างน้อย

แล้วค่อยพกพาติดตัวและนำส่งคืนผู้เป็นเจ้าของ

ไม้งิ้วดำและงาช้างต่อไป


วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน



การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

ระยะหลังนี้มีงานปั้นประเภทใส่รายละเอียดแบบนี้ เยอะพอสมควร

แต่ปกติแล้วผมไม่ค่อยจะลงมือทำแม่พิมพ์เองสักเท่าไหร่

หันซ้ายหันขวาแล้วก็ยังไม่มีใครไว้ใจได้

ก็เลยเอาซะหน่อย

การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

อันดับแรกสุดก็ตัดแขนและอาวุธออกก่อนนะครับ

เพื่อง่ายต่อการทำงาน
แบ่งพิมพ์ออกเป็นสองส่วนโดยใช้ดินน้ำม้น(สีเขียว)

มีการกันขอบและทำร่องเป็นแนวตามรูปครับ


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

หลังจากนั้นก็ผสมยางซิลิโคนกับตัวเร่ง

ซึ่งอัตราส่วน ยางกับตัวเร่ง ก็เป็นไปตามฉลากข้างขวดครับ

ส่วนยางซิลิโคนจะแข็งตัวเร็วหรือช้าก็อยู่ที่เราปรับอัตราส่วนนิดหน่อย

ดูตามรูปนะครับ

หลังจากยางซิลิโคนแข็งตัวแล้วก็ลงยางซ้ำอีก 1-2 ครัง

ตามความเหมาะสม

การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

ระหว่างการลงยางครั้งที่2-3และยางยังไม่แข็งตัวนั้น

ก็ใช้ผ้าก๊อตหรือผ้าขาวตัดเป็นชิ้นเล็กพอประมาณ
ปูลงบนชิ้นงานให้ทั่วและแนบสนิท

ปล่อยจนกระทั่งยางแห้ง

ขั้นตอนการลงยางสลับกับผ้านี้อาจทำสองรอบก็ได้

เราจะได้แม่พิมพ์ยางที่มีความหนา


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย


หลังจากลงยางในชั้นสุดท้ายแล้วก็ใช้ก้อนยางซิลิโคนตันเป็นลูกเต๋าเล็กๆ

วางลงบนขอบแม่พิมพ์ ตามรูปครับ

ประโยชน์ก็คือล็อคแม่พิมพ์ยางกับพิมพ์ครอบ


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

หลังจากนั้นก็ ทำพิมพ์ครอบด้วยปูนปลาสเตอร์

แต่ก่อนครอบปูนก็ควรทายางซิลิโคนด้วย วาสลีน

น้ำสบู่ หรืออะไรก็ได้ที่มีลักษณะลื่นเพื่อไห้แกะพิมพ์ครอบออกได้ง่าย


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

หลังจากนั้นก็ผลิกกลับไปทำด้านหลัง

ก็เอาดินน้ำมันที่กั้นขอบพิมพ์ออกให้หมด

ทำความสะอาดโดยดูว่าไม่มีเศษดินน้ำมันหรือสิ่งอื่นแน่แล้ว

ก็กันไม่ให้ยางซิลิโคนฝั่งที่กำลังจะทำพิมพ์ด้านหลังนี้

ติดกับฝั่งแรกก็ด้วยการทาวาสลีน

หรือน้ำสบู่ น้ำยาล้างจาน สเปรย์

อะไรก็ได้ แต่งานนี้เลือกใช้สีสเปรย์


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย

ขั้นตอนนับจากนี้ไปก็ทำเหมือนกับที่ทำมาตั้งแต่ต้น

ทำเหมือนกันทุกขั้นตอน

จนกระทั่งครอบพิมพด้วยปูนปลาสเตอร์


การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนแบบง่าย


หลังจากปูนแข็งตัวแล้วก็แกะแม่พิมพ์ออกจากต้นแบบ

ส่วนตันแบบที่แตกหักเสียหายก็ช่างมันเพราะเรามีแม่พิมพ็แล้ว

ในรูปต้นแบบเป็นขี้ผึ้งครับ

ส่วนมือหรืออาวุธที่เราแยกออกไปก็ทำเหมือนกัน

ตามขั้นตอนที่ผ่านมา

........................

หลังจากนี้แล้วก็นำพิมพ์ที่ได้ไปหล่อ

ส่วนจะหล่อเป็นวัสดุอะไรก็ได้เกือบหมดครับ

เอาไว้ว่างๆจะนำวิธีหล่อเรซิ่นอย่างง่าย

และการขัดแต่ง ทำสีมาลงในบล็อกตามโอกาสอันควรต่อไป

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

..........

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ครุฑ



ครุฑ ครุฑ
หายไปเป็นเดือนกับการเขียนบล็อก

เพราะมัวแต่ไปทำงานซุ้มเทิดพระเกียรติ

วันนี่จึงหาโอกาสซักเวลาหนึ่ง เป็นงานรูปปั้นครุฑนูนสูงครับ


ครุฑ
ลำดับการทำงานการปั้น การทำแม่พิมพ์คงไม่ต้องแล้วนะครับ
เพราะผมเคยลงไปเยอะแล้ว หาอ่านย้อนหล้งในบล็อก
ที่เห็น ขนาดก็ 1.80 x 1.50 เมตร
รายละเอียดก็ ประมาณ 80%
ตามราคาและระยะเวลาที่ถูกเสนอมา
งานอื่นก็ดูได้จาก
http://www.art-86.blogspot.com

ส่วนงานซุ้มเทิดพระเกียรติก็คลิ๊กที่

http://www.saks108.blogspot.com
...................

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พระสิวลีและพระสังกัจจายน์แกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด

พระสิวลีแกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด

เป็นตอนต่อจากบทความที่แล้วครับ

ไม่รู้จะแกะยังไงก็เลยแกะไป คิดแบบไปพลาง

มาลงเอย...ก็ที่เห็นนะครับ

เป็นรูปพระสิวลีนั่งถือบาตร

มีย่ามที่แขวนอยู่กับไม้เท้าหัวพระยานาค

เขียนอักขระคำว่า นะ ชา ลี ติ


พระสิวลีแกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด
ส่วนอีกมือหนึ่งจะถือกลด อันเป็นเครื่องหมายของการเดินธุดงค์



พระสิวลีแกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด
งานแกะกะลาของผมทุกอันสังเกตุดูดีๆ

โดยรอบชิ้นงานผมมักจะทำรัศมีไว้แทบทั้งนั้น
ดังนั้นผิวของเนื้องานจึงไม่ค่อยเรียบ

และยังทำให้เก็บผงกะลาไว้สำหรับสร้างงานอื่นได้ง่ายอีกด้วย

พระสังกัจจายน์แกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด
อีกด้านหนึ่ง จะเป็น พระสังกัจจายน์นั่งปิดพุง


พระสังกัจจายน์แกะกะลามหาอุต, กะลาตาบอด
จริงๆแล้วพระสังกัจจายน์นั่งปิดพุง เปิดพุง หงายมือ หรือถือถุงเงินถุงทอง

มีคติการสร้างอย่างไรนั้นจนปัญญาที่จะรู้ได้ครับ
ด้วยเหตุที่ไม่รู้ ก็เลยเอาแบบที่

ท่านโบราณจารย์ได้สร้างเอาไว้เป็นแบบแผน
หลังจากนี้อีกไม่กี่วันก็คงนำส่งคืนท่านเจ้าของ

หลังจากอยู่กับผมมาก็เกือบ 2 เดือนแต่แกะจริงก็ไม่กี่วัน

แกะวันละนิดวันละหน่อยค่อยๆทำจนเสร็จ

ส่วนสีกะลาที่เข้มขึ้นนั้นเกิดจากทาด้วยน้ำมันจันทร์ครับ

กลิ่นหอมดี

................

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กะลาตาบอด, กะลาตาเดียว

กะลาตาบอด,กะลามหาอุต,กะลาตาเดียว

เมื่อไม่นานมานี้ได้ของเล่นมาใหม่

เป็นกะลาไม่มีตาหรือกะลาตาบอดครับ

ในภาพผมวางไว้คู่กันกับกะลาตาเดียว

เป็นของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งในจังหวัดนครปฐม

บังเอิญท่านเห็นลูกที่ผมเคยแกะเมื่อคราวที่แล้วในบทความก่อนหน้านี้

ท่านชอบพระสังกัจจายน์และพระสีวลี

ก็เลยบอกว่า งั้นเอาไปแกะให้หน่อย

ก็รีบรับปากทันทีครับ แต่บอกทางอาจารย์ไปว่า

นานนะครับ และอาจนานมากด้วย

ท่านก็ไม่ว่าอะไร

กะลาตาบอด,กะลามหาอุต,กะลาตาเดียว
ที่นี้ก็มีปัญหาว่า แล้ว อักขระเลขยันต์รอบกะลานี้จะทำไง
อาจารย์ก็บอกว่าไม่เป็นไรอนุญาตแล้ว



กะลาตาบอด,กะลามหาอุต,กะลาตาเดียว
ระหว่างนี้ก็ขัดผิวและเริ่มลงสิ่วไปบ้างแล้ว

แถมยังเก็บผงกะลาที่แกะออกมาไว้อีกจำนวนหนึ่ง


กะลาตาบอด,กะลามหาอุต,กะลาตาเดียว
ผงกะลาที่ว่านั้นก็จะเก็บไว้ทำของไว้ใช้ส่วนตัว

เพราะมีโครงการจะสร้างพระราหูอุ้มดวง-หนุนดวง

อีกซักรุ่นเร็วๆนี้ครับ

กะลาตาบอด,กะลามหาอุต,กะลาตาเดียว
คงอีกไม่นานนะครับคงได้เห็นอันที่แกะเสร็จแล้วแบบเต็มใบ

งานนี้ใช้ความไว้วางใจและเชื่อใจกันนะครับ

ระหว่างผู้ให้ทำและผู้รับทำ

ถ้าหากของหาย ตกแตก หรือทำออกมาไม่เข้าตาเจ้าของ

คนซวยก็คือผมเอง

งานนี้จัดอยู่ในประเภท

ไม่จ้างก็จะทำ

ครับ

อาศัยความอยากนำหน้า

..........

เรื่องอื่นๆก็ดูจากรายการด้านขวามือนะครับ

สำหรับวันนี้สว้สดี.......

.........


วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช

เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช 2




เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช 2



เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช 2



เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช









เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวสวนนงนุช









อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปแบบ อยากจะไปดูว่า งานแกะโฟม









พระปรางค์วัดอรุณฯที่ทำไปเมื่อต้นปีที่แล้ว เมื่อประดับดอกไม้เสร็จแล้ว









ออกมาจะมีหน้าตายังไง











เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช

และงานนี้ก็เป็นการแถลงข่าวก่อนการเดินทาง
ไปร่วมงานที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย
ส่วนเนื้อหาข่าวต่างๆก็คงจะหาอ่านได้ตามหน้าสื่อทั่วไปครับ
เพราะเห็นไปกันหลายช่อง หลายรายการ ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์

เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช

ก็ดูเอาเองครับความสวยสดงดงามความปราณีต
การวางสีสันที่สดใสเป็นลวดลายแบบไทยๆ


เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช
ในบางจุดที่เห็นนอกจากจะใช้ดอกบานไม่รู้โรยติดเป็นดอกๆแล้ว
ก็ยังมีการใช้กลีบดอกติดเป็นลวดลายด้วย










เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช
ส่วนยอดของพระปรางค์วัดอรุณฯครับ


เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช
บรรไดทางขึ้นพระปางค์











เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช


















มุมนี้เป็นส่วนฐานมณฑปทิศ










เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช










ช้างน้อยตัวนี้เมื่อประดับดอกไม้แล้วก็น่ารักไปอีกแบบ




















เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 โดย สวนนงนุช
ส่วนนี่ก็เป็นภาพเบื้องหลังของงานประดับดอกไม้









จากที่เห็นเป็นโฟมแท่งขาวๆเมื่อประดับดอกไม้เสร็จ









ก็ออกมาอย่างที่เห็นครับ









ใช้ดอกไม้จริง ทั้งดอกไม้แห้งและดอกไม้สด









ทั้งย้อมสีและสีตามธรรมชาติ









งานจริงอลังการกว่านี้มากครับ









แต่ที่นำมาเสนอนี้เป็นแต่เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง









แค่ 20% ของงานทั้งหมด









.....









สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ครับ









อ่านเรื่องอื่นๆได้จากลิ๊งค์ข้างๆนะครับ









สวัสดี









........

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

กะลาแกะพระราหู


กะลาแกะพระราหู

ระยะหลังๆมานี่มีกะลาตาเดียวมาให้แกะเยอะครับ

แต่ลูกที่นำมาลงในบล็อกวันนี้

พิเศษหน่อย ลูกกลม ดำขลับ ขนาดกำลังสวย

แกะค่อนข้างยาก ลื่น เพราะมีน้ำมันใหลตลอดเวลา


กะลาแกะพระราหู

ดูให้ดีจะเห็นว่าเป็นคนละลูกกับที่ผมเคยลงในบล็อกนะครับ

ส่วนจะแตกต่างกันยังไงก็เปรียบเทียบดูเอาเอง


กะลาแกะพระราหู

แต่ที่เหมือนกันก็คือนอกจากแกะพระราหูแล้ว

ด้านหลังก็แกะด้วยสังข์กัจจายทับบนพระปิดตาอีกที

กะลาแกะพระราหู ดูกับใกล้ๆอีกทีครับ ส่วนน้ำมันที่ซึมออกมาและผงกะลาที่เกิดจากการแกะนั้น ก็เก็บไว้อย่างดีครับ รอเวลาหาของเล่นแปลกๆใหม่ๆ คงมีโอกาสได้ใช้แน่ กะลาแกะพระราหู ถ้าดูด้านบนก็จะเห็นว่ามะพร้าวลูกนี้ไม่มีตาครับ หรือที่นิยมเรียกกันว่ากะลาตาบอด กะลามหาอุด,กะลามหาอุต ....................

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

พระพุทธรูป

ต่อจากบทความตอนที่แล้วครับ

วันอาทิตย์ ที่ 27 มี.ค. 2554 เป็นวันพระพอดี

ออกเดินทางจากที่นัดหมาย โดยใช้เส้นทาง ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี

ผ่านทางเข้าวัดศรีษะทอง(วัดพระราหู)

ไปหน่อยก็จะเจอทางเข้าวัดบ่อตะกั่ว

เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร

ผ่านวัดบ่อตะกั่วไปอีกหน่อย

ก็เลี้ยวซ้ายอีกที ไปที่วัดโคกพระเจดีย์


พอไปถึงก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งพร้อมกับพระเจ้าภาพ

กำลังรอต้อนรับอยู่ครับ

ไปถึงก็แห่พระรอบโบสถ์ 3 รอบ

แล้วนำพระเข้าโบสถ์

ส่วนนี้เป็นส่วนของพระเจ้าภาพครับ

จุดธูปเทียนตามประเพณี


ประพรมน้ำมนต์ตามประเพณี

จากนั้นก็นำพระขึ้นไว้บนศาลา จัดเตรียมอาหารคาวหวานเลี้ยงพระ (เลี้ยงพระเพล) นอกจากนี้แล้วก็ยังมีการโยงสายสิญย์ พร้อมร่วมกันกล่าวคำถวายพระพุทธรูป พระสงฆ์ให้ศีลให้พร กรวดน้ำ ก็เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นก็นั่งคุยกันกับพระเจ้าภาพถึงสาเหตุการสร้างพระ พร้อมรับแจกพระเหรียญที่ระลึก สักพักก็กราบลา แยกย้ายกันกลับ ............ งานนี้ผมก็ออกแรงเป็นหลักครับ เพราะกำลังทรัพย์นัอย แล้วก็บอกกล่าวกันเฉพาะในกลุ่ม เอาแค่เสร็จหนึ่งองค์ก็พอ ถ้าบอกคนมากก็จะได้เงินมาก ตัวผมก็จะร้อนมากตามไปด้วย ......... ครั้งหน้าก็จะสร้างอีกองค์ครับ จะแล้วเสร็จก็ไม่น่าจะเกิน เดือน พฤษภาคม นี้ เหตุก็เนื่องมาจาก ในกลุ่มก๊วนเดียวกันเกิดเดือนพฤษภาฯหลายคน และทุกคนก็เห็นดีที่จะสร้างอีกองค์ครับ สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ครับ สวัสดี ..........